ใครขายของออนไลน์ระหว่างประเทศย่อมเข้าใจดีว่าการโอนเงินข้ามประเทศเป็นปัญหาที่น่าปวดหัว เพราะไหนจะต้องรับมือกับค่าเงินที่ผันผวน และระบบการโอนเงินไปต่างประเทศก็มีหลายรูปแบบ ทำให้ต้องศึกษากันเป็นประจำ และ Wire Transfer ก็คือหนึ่งในระบบการโอนเงินข้ามประเทศที่คนทำธุรกิจระหว่างประเทศคุ้นเคยกันดี หลายคนก็คงสงสัยว่าระบบดังกล่าวแตกต่างจากระบบ Swift อย่างไร ถ้าอยากรู้มาหาคำตอบกันได้เลย!
สารบัญบทความ
ทำความรู้จักว่า Wire Transfer คืออะไร และมีกี่ประเภท
Wire Transfer หรือ Telegraphic Transfer คือ ระบบการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างบุคคลหรือหน่วยงานผ่านธนาคารตัวกลาง โดยไม่ต้องใช้เงินสดส่งให้จริง ๆ ผู้รับก็ได้เงิน และสามารถถอนเงินโอนจากบัญชีออกมาได้ ซึ่ง Wire Transfer มี 2 ประเภท ได้แก่
- Domestic Wire Transfer เป็นการโอนเงินให้ผู้รับผ่านธนาคารตัวกลางในประเทศ เช่น การโอนเงินผ่าน Mobile Banking หรือโอนผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร โดยการโอนเงินในประเทศใช้เพียงเลขที่บัญชีปลายทาง และไม่เสียค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน
- International Wire Transfer เป็นการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านระบบ Swift ซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยากกว่าการโอนเงินในประเทศ เพราะต้องกรอกเลข Swift และวัตถุประสงค์การโอนเงินก่อนโอนเงินทุกครั้ง ทำให้ใช้เวลาโอนเงินนานกว่าการโอนเงินภายในประเทศ
โอนเงินต่างประเทศผ่าน Wire Transfer มีค่าธรรมเนียมหรือไม่
การโอนเงินไปต่างประเทศผ่าน Wire Transfer จะมีค่าธรรมเนียมสูง เนื่องจากเงินโอนต้องผ่านธนาคารตัวกลางจำนวนมาก และค่าธรรมเนียมการโอนผ่าน Wire Transfer สามารถเรียกเก็บได้หลายประเภท อันได้แก่
- ค่าธรรมเนียมที่ถูกเรียกเก็บจากธนาคารปลายทางต่างประเทศ ซึ่งเงินในส่วนนี้จะถูกหักจากยอดเงินที่ได้โอนไป ทำให้ผู้รับไม่ได้เงินเต็มจำนวน
- ค่าธรรมเนียมการโอนเงินไปต่างประเทศของธนาคารในประเทศ
- ค่าธรรมเนียมที่ถูกเรียกเก็บจากธนาคารต่างประเทศ ตามสกุลเงินที่ได้โอน
- ค่าธรรมเนียมชดเชยอัตราแลกเปลี่ยน
โอนเงินไปต่างประเทศด้วย Wire Transfer ทำอย่างไร ใช้อะไรบ้าง
หากไม่รู้ว่าขั้นตอนการโอนเงินต่างประเทศด้วย Wire Transfer คืออะไร? ก็สามารถศึกษาได้จากข้อมูลดังต่อไปนี้ และนอกจากการโอนเงินผ่านระบบธนาคารแล้ว ยังมีการโอนเงินระหว่างประเทศรูปแบบอื่น ๆ ที่คุณควรรู้อีกด้วย
โอนเงินข้ามประเทศผ่านระบบธนาคาร หรือ Swift
การโอนเงินข้ามประเทศผ่านธนาคาร จำเป็นต้องเปิดบัญชีเงินโอนต้นทางให้เรียบร้อย จากนั้นให้เตรียมข้อมูลต่าง ๆ ก่อนโอนเงิน ดังต่อไปนี้

- ชื่อและที่อยู่ของบัญชีผู้รับเงินปลายทาง
- ชื่อบัญชีและเลขที่บัญชีของผู้รับเงินปลายทาง
- วัตถุประสงค์การโอนเงิน
- เอกสารประกอบการโอนเงิน
- รหัส Swift Code ของธนาคารปลายทาง
สาเหตุที่การโอนเงินข้ามประเทศผ่านธนาคาร ต้องใช้รหัส Swift Code ซึ่งไม่เหมือนกับการโอนเงินในประเทศเป็นเพราะว่าการโอนเงินในประเทศมีธนาคารไม่กี่แห่ง และไม่ผ่านธนาคารตัวกลาง ทำให้สามารถระบุที่ตั้งธนาคารปลายทางได้ง่าย ในขณะที่การโอนเงินข้ามประเทศ ต้องผ่านธนาคารตัวกลางจำนวนมาก และชื่อธนาคารบางแห่งซ้ำกัน จึงต้องใช้รหัส Swift Code เพื่อให้ระบุตัวตนของธนาคารปลายทางได้อย่างถูกต้อง
โดยรหัส Swift Code คือ หมายเลขที่ระบุถึงชื่อธนาคารปลายทางผู้รับเงิน มีทั้งหมด 8-11 หลัก ซึ่งประกอบไปด้วย
- ตัวอักษร 4 ตัวแรกแสดงถึงชื่อย่อของธนาคารนั้น ๆ
- ตัวอักษรหลักที่ 5 และ 6 หมายถึง ตัวย่อประเทศ
- ตัวอักษรหลักที่ 7-8 เป็นรหัสบอกเมืองที่ตั้งของธนาคารแห่งนั้น
- ตัวอักษรหลักที่ 9 -11 บอกรหัสสาขาของธนาคาร ถ้าเป็น XXXX จะเป็นตัวอักษรของสำนักงานใหญ่
ยกตัวอย่างเช่น รหัส Swift Code ของธนาคารกสิกรไทย คือ KASITHBKXXXX ส่วนรหัส Swift Code ของธนาคารไทยพาณิชย์คือ SICOTHBKXXXX เป็นต้น
โอนเงินระหว่างประเทศผ่านผู้ให้บริการรายอื่นที่ค่าธรรมเนียมต่ำ
การโอนเงินข้ามประเทศผ่านระบบ Swift บางครั้งเกิดอุปสรรคผู้รับเงินปลายทางไม่ได้รับเงิน เนื่องจากผู้โอนเงินกรอกรหัส Swift ผิด และการโอนเงินระหว่างประเทศทุกครั้งต้องกรอกวัตถุประสงค์การโอนเงิน เพื่อตรวจสอบว่าผู้โอนมีเจตนาฟอกเงิน หรือการก่อการร้ายหรือไม่ ทำให้ใช้เวลาในการกรอกเอกสารโอนเงินระหว่างประเทศค่อนข้างนานกว่าการโอนเงินในประเทศ
ด้วยเหตุนี้ จึงมีการพัฒนาช่องทางการโอนเงินข้ามประเทศแบบอื่น ที่ช่วยให้ผู้ค้าขายระหว่างประเทศโอนเงินจ่ายให้ Supplier ได้โดยไม่ต้องกรอกเอกสารที่ยุ่งยาก เช่น PingPong Payments ผู้ให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมต่ำไม่เกิน 1% ของยอดธุรกรรม อีกทั้งหากเปิดบัญชีเสมือนของ PingPong Payments แล้ว และมียอดเงินหมุนเวียนขั้นต่ำตามที่กำหนด จะสามารถขอรับสิทธิการใช้บัตร PingPong ที่ทำให้ผู้ขาย E-Commerce ได้เปรียบทุกการค้าดังนี้
- ชำระได้หลากหลายสกุลเงิน
การชำระค่าสินค้าและบริการผ่านระบบ Bank Transfer มีข้อจำกัดมากกว่าการโอนเงินแบบอื่น กล่าวคือ การทำธุรกรรมแต่ละครั้งจะสามารถชำระเงินได้เพียงสกุลเดียว และเมื่อต้องการชำระค่าสินค้าด้วยสกุลเงินอื่น ต้องกรอกเอกสารและทำเรื่องใหม่ ทำให้ผู้ขาย E-commerce ต้องเสียเวลากว่าที่ควร แต่หากได้รับบัตรเสมือน PingPong Payments แล้ว จะชำระค่าใช้จ่ายได้ทุกสกุลเงินที่เกิดขึ้นในธุรกิจ E-commerce พร้อมทั้งสามารถตรวจสอบประวัติการใช้จ่ายย้อนหลังได้ด้วย
- ไม่คิดค่าธรรมเนียมรายปี และค่าธรรมเนียมในการแปลงสกุลเงิน
การใช้บัตรเครดิตทั่วไปโอนเงินระหว่างประเทศ นอกจากเสียค่าธรรมเนียมรายปีแล้ว ยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการโอนเงินเป็นจำนวนมาก แต่บัตรเสมือน PingPong จะไม่คิดค่าธรรมเนียมรายปี และแค่ใช้บัตรเสมือน PingPong เครือข่าย Visa เพียงใบเดียว ก็สามารถใช้ชำระค่าใช้จ่าย ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าบริการ Facebook, Google, Amazon, Shopify, Walmart, Alibaba ฯลฯ ทั้งนี้บัตรเสมือน PingPong จะคิดค่าธรรมเนียมทุกครั้งเมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตร

Wire Transfer ใช้เวลากี่วันในการโอนเงิน?
ระบบ Wire Transfer คือ การโอนเงินผ่านธนาคารตัวกลางหลายต่อ ทำให้ใช้เวลานานกว่าการรับเงินโอนจากต่างประเทศแบบอื่น ซึ่งการโอนเงินผ่านระบบ Wire Transfer จะใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 5 วันกว่าจะถึงมือผู้รับ และอาจใช้เวลาโอนเงินนานกว่านี้ หากธนาคารตัวกลางอยู่ในประเทศที่ระบบการเงินยังไม่มีเสถียรภาพมากเพียงพอ
Wire Transfer คือ ระบบการชำระเงินที่มีขั้นตอนมากมาย ควรวางแผนให้ดีก่อนเริ่มโอน!
จะเห็นได้ว่า Wire Transfer คือการชำระเงินระหว่างประเทศแบบเดิมที่มีขั้นตอนการตรวจสอบมากมาย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเป็นเงินถูกกฎหมาย และเงินจะถึงบัญชีปลายทางผู้รับได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น ผู้ขาย E-commerce ควรวางแผนให้ดี เพื่อให้บริษัท Supplier ต่างประเทศได้รับเงินตามเวลาที่ตกลงกันไว้ในสัญญาซื้อขาย